หลังจากลังเลมา 2 ปี ..ได้เวลาพร้อมส่งเอกสารเตรียมสอบเป็นพลเมืองของทวีปที่กว้างใหญ่ไพศาล ประเทศในฝันที่หลาย ๆ ท่านอยากจะมาเหยียบแผ่นดินนี้สักครั้งในชีวิต
เรารวบรวมส่งเอกสารทั้งหมดปึกใหญ่ ๆ ส่งไปที่โซนหรือศูนย์รับเรื่องที่ทางอิมมิเกรชั่นกำหนดว่า เขตรัฐที่เราอาศัยอยู่ต้องส่งไปที่ศูนย์ไหน
ส่งเอกสาร Oct. 15, 2018
ได้รับจม.แจ้งให้ไปพิมพ์ลายนิ้วมือ Oct. 26, 2018
พิมพ์ลายนิ้วมือ Nov. 7, 2018 เวลาบ่าย 3 โมง พร้อมรับหนังสือมาอ่าน
ได้รับจม. นัดสอบสัมภาษณ์ Dec. 10, 2018
สอบสัมภาษณ์ Jan. 7, 2019
โอ้แม่เจ้า ได้อ่านหนังสือหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ไปสอบล่ะ ..แต่ก็เถอะหลังจากพิมพ์ลายนิ้วมือมานั้น ซะล่าใจนึกอย่างเดียว อาจจะยังไม่เรียกสอบเร็วก็ได้ คือ อ่านบ้างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่
พอวันที่ 10 ธค. ได้รับจดหมายจากอิมมิเกรชั่นต๊กกะใจเลย มีเวลาอีก 3 อาทิตย์ ไปสอบแล้วหรือนี่
เอ้า ! ลุย อ่านๆๆๆ จำมั่ง ไม่จำมั่ง เครียดทุกวัน นอนไม่ค่อยหลับเลย กลัวจำไม่ได้ หลายสิ่งหลายอย่างเข้ามาวิ่งให้มึนในสมองทุกวัน ไหนจะต้องจำข้อมูลและคำศัพท์ในเอกสารส่วนตัว
ให้กำลังใจตัวเอง...เราต้องทำได้สิ...จะได้หมดห่วงหมดกังวลซะที
เมื่อวันสัมภาษณ์มาถึง คืนนั้นทั้งคืนแทบนอนไม่หลับเลย ตื่นเต้น ๆ
ออกเดินทาง 11 โมงครึ่ง แวะหาอาหารกินก่อนไปถึงอิมมิเกรชั่นบ่ายโมงครึ่ง มีเวลาในรถนั่งทบทวนข้อมูลส่วนตัวและตำหรับตาราอีกนิดหน่อย
บ่าย 2 เป๊ะ ...หอบหิ้วเอกสารบางอย่างที่เตรียมไปเผื่อใช้ เตรียมจม.นัดสัมภาษณ์และกรีนการ์ดไว้ในมือ ใช้ก่อนแน่ ๆ ก่อนเข้าไปด้านใน เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจเช็คดูก่อน จากนั้นก็นำกระเป๋า มือถือ ถอดนาฬิกาใส่ถาดผ่านเครื่องสแกน เจ้าหน้าที่อารมณ์ดีแซวเรา คงจะดูจากสีหน้าเราอ่ะ ถามเราว่าพร้อมสอบสภ.ซิติเซนมั้ย คุณกังวลเหรอ ให้กำลังใจเราบอก ไม่ยากหรอก ทำใจให้สบายๆนะ เราก็กล่าวขอบคุณเขา จากนั้นเราก็เดินผ่านเครื่องสแกนเข้าไปรอกระเป๋า
และจะมีเจ้าหน้าที่อีกท่านนึงขอกรีนการ์ดเราตรวจอีกรอบ ก่อนผ่านเข้าไปด้านใน ว่าเราเป็นเจ้าของกรีนการ์ดตัวจริงหรือไม่ หรือหน้าตาเหมือนในกรีนการ์ดหรือไม่ เจ้าหน้าที่แอบแซว คุณแน่ใจน่ะว่าคุณเป็นคนคนเดียวกับรูปในกรีนการ์ด ทำไมหน้าตาไม่เหมือนกันหร่ะ เอาล่ะวุ้ย...ให้เรายืนอยู่ตรงนั้นแป๊บ เพื่อเล็งหน้าเรากับรูปที่อยู่ในกรีนการ์ด ว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน เจ้าหน้าที่ถามเรา 2-3 ครั้ง คุณแน่ใจน่ะ ว่าคุณเป็นบุคคลคนเดียวกันกับรูปในกรีนการ์ด เราก็ตอบว่า แน่ใจค่าาาา นั่นมันคือฉันหร่ะ ...แหม่ ก็รูปในกรีนการ์ดถ่ายเมื่อ 3 ปีที่แล้ว (แอบคิด..ตอนนี้เราหน้าตาแก่ลงมากเลยเหรอว่ะ) ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้เราผ่านเข้าไป บอกว่านั่งรอน่ะจนถึงเวลาบ่าย 2 โมงครึ่งแล้วจะมีเจ้าหน้าที่เรียกอีกครั้ง (กว่าจะผ่านไปได้แต่ละด่านหืดขึ้น) ระหว่างที่เรานั่งรอ ก็หันมองซ้ายขวาและรอบ ๆ ตัว มีคนรอสภ. รอบเดียวกับเรา 8 คน มีคนแก่ด้วย เป็นคนแขก 2 คน อายุน่าจะประมาณ 70 ขึ้น นอกนั้นส่วนใหญ่วัยกลางคน
บ่าย 2 ครึ่ง เจ้าหน้าที่เรียกให้เข้าแถวพร้อมยื่นเอกสารคือ จดหมายสัมภาษณ์พร้อมกรีนการ์ดตรวจอีกรอบ แล้วเอาไปยื่นให้เจ้าหน้าที่อีกท่านนึงที่ต้องนำข้อมูลเราเข้าคอมฯ รับหมายเลข เดินขึ้นลิฟท์ไปชั้นสอง รอที่หน้าห้องสัมภาษณ์ จะมีเจ้าหน้าที่ออกมาเรียกเข้าไปสัมภาษณ์ตามหมายเลขที่เราได้รับ
เรา ได้หมายเลข 83 และเป็นคนสุดท้ายของการเข้ารับการสัมภาษณ์วันนี้
เจ้าหน้าที่หญิงและชายหลายท่าน เปิดประตูออกมาเรียกตามนัมเบอร์ที่ตัวเองจะต้องสัมภาษณ์ใครบ้าง เรียกทีละคน เรานั่งภาวนา ขอให้เจอเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ใจดี อารมณ์ดี เราจะได้ไม่เครียด เพราะเห็นสีหน้าเจ้าหน้าที่ ที่ออกมาเรียกคนเข้าไปสัมภาษณ์ บางคนสีหน้าบอกบุญไม่รับเลย หน้าหงิกหน้างอเชียว
และแล้วในที่สุดเราก็เจอเจ้าหน้าที่ผู้ชายใจดี อารมณ์ดี เปิดประตูออกมาเรียกหมายเลข 83
ระหว่างเดินไปห้องสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ก็ถาม คุณสบายดีมั้ย แล้วเค้าก็พูดว่า วันนี้ฉันเหนื่อยมากเลย หลังจากหยุดมาหลายวัน พอถึงห้องสัมภาษณ์เขาก็เปิดประตู เชิญเราเข้าไป
บอกให้เราวางกระเป๋าที่เก้าอี้ด้านข้างแล้วยืนยกมือขวาสาบานว่าจะพูดความจริงทุกประการ
เชิญเรานั่ง แล้วบอกให้เรารีแลคซ์ ไม่ต้องตื่นเต้น ..ขอดูพาสปอร์ต กรีนการ์ดและไอดี เอาหร่ะน่ะ ฉันพร้อมถามคุณล่ะ ถาม บลาๆๆๆ
ในที่สุดก็ผ่านไปด้วยดี เย๊ ....เจ้าหน้าที่ให้เซนต์ชื่อในแทปเลต
แล้วกล่าวว่า ฉันยินดีกับคุณด้วยนะคร๊าบบบ
ด้วยความดีใจ พร้อมยกมือไหว้งาม ๆ อย่างไทย ...ขอบคุณมากค่ะ
เจ้าหน้าที่บอกต่ออีกว่า ...รอจดหมายเรียกมาสาบานตนประมาณอาทิตย์- สองอาทิตย์น่ะ
เจ้าหน้าที่สุดหล่อ เดินออกมาส่งเราที่ประตู เรากล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง.
อารมณ์...เหมือนยกภูเขาออกจากอก..โล่งอกไปอีกขั้น
ออกเดินทาง 11 โมงครึ่ง แวะหาอาหารกินก่อนไปถึงอิมมิเกรชั่นบ่ายโมงครึ่ง มีเวลาในรถนั่งทบทวนข้อมูลส่วนตัวและตำหรับตาราอีกนิดหน่อย
บ่าย 2 เป๊ะ ...หอบหิ้วเอกสารบางอย่างที่เตรียมไปเผื่อใช้ เตรียมจม.นัดสัมภาษณ์และกรีนการ์ดไว้ในมือ ใช้ก่อนแน่ ๆ ก่อนเข้าไปด้านใน เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจเช็คดูก่อน จากนั้นก็นำกระเป๋า มือถือ ถอดนาฬิกาใส่ถาดผ่านเครื่องสแกน เจ้าหน้าที่อารมณ์ดีแซวเรา คงจะดูจากสีหน้าเราอ่ะ ถามเราว่าพร้อมสอบสภ.ซิติเซนมั้ย คุณกังวลเหรอ ให้กำลังใจเราบอก ไม่ยากหรอก ทำใจให้สบายๆนะ เราก็กล่าวขอบคุณเขา จากนั้นเราก็เดินผ่านเครื่องสแกนเข้าไปรอกระเป๋า
และจะมีเจ้าหน้าที่อีกท่านนึงขอกรีนการ์ดเราตรวจอีกรอบ ก่อนผ่านเข้าไปด้านใน ว่าเราเป็นเจ้าของกรีนการ์ดตัวจริงหรือไม่ หรือหน้าตาเหมือนในกรีนการ์ดหรือไม่ เจ้าหน้าที่แอบแซว คุณแน่ใจน่ะว่าคุณเป็นคนคนเดียวกับรูปในกรีนการ์ด ทำไมหน้าตาไม่เหมือนกันหร่ะ เอาล่ะวุ้ย...ให้เรายืนอยู่ตรงนั้นแป๊บ เพื่อเล็งหน้าเรากับรูปที่อยู่ในกรีนการ์ด ว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน เจ้าหน้าที่ถามเรา 2-3 ครั้ง คุณแน่ใจน่ะ ว่าคุณเป็นบุคคลคนเดียวกันกับรูปในกรีนการ์ด เราก็ตอบว่า แน่ใจค่าาาา นั่นมันคือฉันหร่ะ ...แหม่ ก็รูปในกรีนการ์ดถ่ายเมื่อ 3 ปีที่แล้ว (แอบคิด..ตอนนี้เราหน้าตาแก่ลงมากเลยเหรอว่ะ) ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้เราผ่านเข้าไป บอกว่านั่งรอน่ะจนถึงเวลาบ่าย 2 โมงครึ่งแล้วจะมีเจ้าหน้าที่เรียกอีกครั้ง (กว่าจะผ่านไปได้แต่ละด่านหืดขึ้น) ระหว่างที่เรานั่งรอ ก็หันมองซ้ายขวาและรอบ ๆ ตัว มีคนรอสภ. รอบเดียวกับเรา 8 คน มีคนแก่ด้วย เป็นคนแขก 2 คน อายุน่าจะประมาณ 70 ขึ้น นอกนั้นส่วนใหญ่วัยกลางคน
บ่าย 2 ครึ่ง เจ้าหน้าที่เรียกให้เข้าแถวพร้อมยื่นเอกสารคือ จดหมายสัมภาษณ์พร้อมกรีนการ์ดตรวจอีกรอบ แล้วเอาไปยื่นให้เจ้าหน้าที่อีกท่านนึงที่ต้องนำข้อมูลเราเข้าคอมฯ รับหมายเลข เดินขึ้นลิฟท์ไปชั้นสอง รอที่หน้าห้องสัมภาษณ์ จะมีเจ้าหน้าที่ออกมาเรียกเข้าไปสัมภาษณ์ตามหมายเลขที่เราได้รับ
เรา ได้หมายเลข 83 และเป็นคนสุดท้ายของการเข้ารับการสัมภาษณ์วันนี้
เจ้าหน้าที่หญิงและชายหลายท่าน เปิดประตูออกมาเรียกตามนัมเบอร์ที่ตัวเองจะต้องสัมภาษณ์ใครบ้าง เรียกทีละคน เรานั่งภาวนา ขอให้เจอเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ใจดี อารมณ์ดี เราจะได้ไม่เครียด เพราะเห็นสีหน้าเจ้าหน้าที่ ที่ออกมาเรียกคนเข้าไปสัมภาษณ์ บางคนสีหน้าบอกบุญไม่รับเลย หน้าหงิกหน้างอเชียว
และแล้วในที่สุดเราก็เจอเจ้าหน้าที่ผู้ชายใจดี อารมณ์ดี เปิดประตูออกมาเรียกหมายเลข 83
ระหว่างเดินไปห้องสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ก็ถาม คุณสบายดีมั้ย แล้วเค้าก็พูดว่า วันนี้ฉันเหนื่อยมากเลย หลังจากหยุดมาหลายวัน พอถึงห้องสัมภาษณ์เขาก็เปิดประตู เชิญเราเข้าไป
บอกให้เราวางกระเป๋าที่เก้าอี้ด้านข้างแล้วยืนยกมือขวาสาบานว่าจะพูดความจริงทุกประการ
เชิญเรานั่ง แล้วบอกให้เรารีแลคซ์ ไม่ต้องตื่นเต้น ..ขอดูพาสปอร์ต กรีนการ์ดและไอดี เอาหร่ะน่ะ ฉันพร้อมถามคุณล่ะ ถาม บลาๆๆๆ
ในที่สุดก็ผ่านไปด้วยดี เย๊ ....เจ้าหน้าที่ให้เซนต์ชื่อในแทปเลต
แล้วกล่าวว่า ฉันยินดีกับคุณด้วยนะคร๊าบบบ
ด้วยความดีใจ พร้อมยกมือไหว้งาม ๆ อย่างไทย ...ขอบคุณมากค่ะ
เจ้าหน้าที่บอกต่ออีกว่า ...รอจดหมายเรียกมาสาบานตนประมาณอาทิตย์- สองอาทิตย์น่ะ
เจ้าหน้าที่สุดหล่อ เดินออกมาส่งเราที่ประตู เรากล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง.
อารมณ์...เหมือนยกภูเขาออกจากอก..โล่งอกไปอีกขั้น
ขอบคุณที่แวะมานะคะ