สครับผิวหน้า สำคัญจริงๆนะ!!

เมื่อสาว ๆ เริ่มหันมาสนใจ การสครับผิวหน้า กันมากขึ้น สารพัดโปรดักส์จึงพากันเข้าแล็ปคิดค้นสูตรสครับผิวที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้ว พวกเราก็สามารถเลือกหยิบของที่มีอยู่ในครัวหรือในตู้เย็นมาผสมเพื่อสครับหน้ากันได้เองถ้าไม่มีสครับยี่ห้อดี ๆ ติดบ้านเอาไว้ 

cr : cdn.sheknows.com

     สครับผิวเพื่อ?...ใบหน้าของเราต้องเจอกับสารพัดสิ่ง ทั้งแดดแรง ๆ ที่ทำร้ายเซลล์ผิว รวมถึงมลภาวะรอบตัว ซึ่งทำให้ใบหน้าดูหมองไม่ผ่องใส เราจึงควรสครับผิวหน้าบ้างเพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป และกระตุ้นการเกิดเซลล์ใหม่ เพื่อให้หน้าจะใสกระจ่างขึ้น 

ประเภทผิวหน้าที่ต่างกัน 

• ผิวแห้ง : ควรสครับหน้าสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอ เพราะการสครับหน้าบ่อย ๆ จะยิ่งทำให้ผิวแห้ง
• ผิวมัน : สามารถสครับผิวหน้าได้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง แต่ควรขัดเพียงเบา ๆ และไม่ควรเกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพราะจะทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นยิ่งทำให้ผลิตน้ำมันออกมามาก และหน้ามันกว่าเก่า
• ผิวแพ้ง่าย : สำหรับผิวแพ้ง่ายต้องเลือกลองใช้สครับนั้น ๆ กับผิวส่วนอื่นก่อนที่จะนำมาใช้กับใบหน้า แนะนำน้ำตาลทรายแดงเนื้อละเอียดกับน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ที่เมื่อซึมเข้าสู่ผิวจะกลายเป็นสารตัวเดียวกับน้ำนมแม่ (น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น)
• ผิวเกิดสิวง่าย : ควรหลีกเลี่ยงสครับที่มีกรด AHA และ BHA ที่จะทำให้เกิดการอักเสบได้

สครับผิวให้ได้ผล 

• ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการขัดผิวหน้าที่สุด คือ ก่อนนอน เพราะการผลัดเซลล์ผิวจะทำงานขณะที่ร่างกายได้พักผ่อน แล้วยังรู้สึกสะอาดสบายหน้า หลับสบายอีกด้วย
• อย่าสครับผิวหน้าก่อนวันออกแดดจัด เพราะผิวหน้าจะบาง และไวต่อแสงแดดมากกว่าปกติ
• ใช้นิ้วมือถูเบาๆวนไปมาเป็นวงเล็ก ๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง ที่จะมีสิ่งอุดตันมากที่สุด
• บำรุงผิวหน้าด้วยครีมบำรุงผิวหลังสครับทุกครั้ง
• วันรุ่งขึ้นหลังสครับหน้าควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF มากกว่า 15 

     สุดท้ายเลยที่ต้องแนะนำคือ เลือกผลิตภัณฑ์สครับที่เหมาะกับสภาพผิวของเรา รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี และผักชนิดต่าง ๆ ที่มีเบต้าแคโรทีน เป็นการดูแลตัวเองให้มีผิวสวยสุขภาพดีแบบง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้ค่ะ 

ขอขอบคุณภาพจาก : pinterest.com 
เรียบเรียงข้อมูลโดย : cosmenet.in.th

7 เคล็ดลับเฉดดิ้งให้สวยเข้มดูเป็นธรรมชาติ เฉดยังไงไม่ให้เพื่อนทักว่าหน้าดำ

 

    ตัวช่วยให้ดูสวยแบบไม่ใช่ขาวแป้นไปทั้งหน้า ถ้าไม่อยากลงสีเยอะ ก็คือลงเฉดดิ้งกันบ้าง แต่จะทำยังไงให้ดูเป็นธรรมชาติก็ไม่ยาก คือไม่ยากนะ แต่ก็เห็นพลาดออกสื่อกันเยอะมาก ใครไม่อยากพลาด ต้องมีกฎกันด้วย 

เคล็ดลับที่ 1 กฎเหล็ก!! ใช้บรอนเซอร์ทีละน้อย ๆ

ทีละน้อยจะเพิ่มได้ แต่ทีละมากจะลำบากเอาออกยังไงล่ะ ดังนั้นจำไว้ว่าอย่าหนักมือกัน 

เคล็ดลับที่ 2 เลือกบรอนเซอร์ให้ถูกสี

สีผิวคนเราต่างกัน เมคอัพจึงเป็นโลกคัลเลอร์ฟูล เลือกผิดระวังจะดูหน้าแข็งเป็นรูปปั้นหรืออาจไม่ได้ช่วยอะไรเลย วิธีเลือกคือต้องเลือกบรอนเซอร์ที่สีเข้มกว่าสีผิวเรา 1-2 เฉด 

เคล็ดลับที่ 3 เลือกบรอนเซอร์ให้ถูกประเภท

สาวผิวธรรมดา ผิวผสม ถึงมันนิด ๆ ใช้บรอนเซอร์แบบแป้งดีกว่า

 

เคล็ดลับที่ 4 สาวผิวแห้งต้องเลือกแบบครีม

ส่วนผิวหน้ามันง่ายมากควรเลือกแบบแป้ง แบบเจลหรืออาจมีแบบน้ำสำหรับผิวมัน ขณะเดียวกันบรอนเซอร์แบบแป้งจะกลาง ๆ ใช้ได้หมดแม้แต่สาวผิวแห้งโดยมีทริคว่าให้ลงมอยส์เจอร์ก่อนจะตามด้วยบรอนเซอร์แบบครีมนั่นเอง 

เคล็ดลับที่ 5 อุปกรณ์ให้พร้อม ใช้ให้ถูกประเภท

ถ้าเราใช้บรอนเซอร์แบบครีมก็สามารถใช้นิ้วมือได้ อาจมีฟองน้ำเป็นตัวช่วย แต่ถ้าเป็นแป้งก็ควรมีแปรงขนฟูกลมขนากกลางเอาไว้ช่วยหรือแปรงรองพื้นในบริเวณเล็ก ๆ หรือคนหน้าเล็ก จากนั้นก็มีแปรงสำหรับเกลี่ยในตอนจบอีกที 

เคล็ดลับที่ 6 ครีม ครีม และแป้งตอนจบเสมอ

ถ้าเราใช้บรอนเซอร์แบบแป้งก็ลงหลังจากรองพื้น คอนซีลเลอร์ และบรอนเซอร์ แต่ถ้าใช้บรอนเซอร์แบบครีมหรือน้ำก็ให้ลงต่อจากรองพื้นได้เลยก่อนเมคอัพประเภทแป้ง 

เคล็ดลับที่ 7 ลงให้ถูกจุด

เราจะลงบรอนเซอร์ตรงใต้แสงตกกระทบ และลงไฮไลท์ให้สว่างบริเวณที่รับแสงเต็ม ๆ เป็นเรื่องของแสงเงาเพื่อให้เกิดมิติตื้น ลึก บนใบหน้าและลำคอไปจนถึงกระดูกไหปลาร้า

 

ไม่ยากสักนิด แล้วอย่าลืมเกลี่ยให้สวยเนียนล่ะ งานนี้ต้องใช้ทักษะกันบ้างแล้ว ฝึกบ่อย ๆ ค่ะ

เรียบเรียงข้อมูลโดย : เว็บรีวิวเครื่องสำอาง cosmenet.in.th