น้ำหอมและเครื่องสำอางทุกชิ้นเป็นของแท้ 100% จากอเมริกาค่ะ น้ำหอมและเครื่องสำอางที่แม่ค้าขาย แม่ค้าการันตีได้เลยว่าใช้ดีทุกชิ้น หอมทุกตัว ...แม่ค้าใช้สินค้าเหล่านี้อยู่ และน้ำหอม แม่ค้าก็ใช้กลิ่นเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ปลื้มมากๆ ชอบสุด ๆ ...แม่ค้าอยู่อเมริกาค่ะ หากจะติดต่อกับแม่ค้าโดยตรง ทักทาย คุยกันได้ในเฟสบุ๊คนะคะ !

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เดินทางด้วยความหวัง

เยี่ยมพี่วันกันอีก...หลงให้ได้ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมพี่วัน
แต่วันนี้ไม่หลงทางหร่ะ ช่วยกันจำทางและอ่านป้าย
....มาตายตอนจบ...หลงที่จอดรถของรพ. หารถตัวเองไม่เจอ ฮ่าๆๆๆๆ ให้ได้อย่างนี้ทุกครั้งสิน่ะ
ที่จอดรถของรพ. กว้าง มีหลายชั้น และแต่ละชั้นรถผู้ที่ไปเยี่ยมคนป่วยเยอะมาก
เดินหารถจนล้า...ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ ที่ขับรถกอร์ฟรับส่งผู้ที่ไปเยี่ยมคนป่วยแต่ละตึก
พามาส่ง ...ดีน่ะ ที่จำอักษรและตัวเลขที่เราจอดไว้ได้ ไม่งั้น คงนั่งตบยุงที่ลานจอดรถนี้แน่ ๆ



...เป็นอีกวันนึงที่พวกเราต้องนั่งรอเข้าเยี่ยมพี่วัน เพราะว่าหมอกำลังคุยกับญาติผู้ป่วย
(หมายถึงสามีพี่วันและพ่อแม่สามีพี่วัน) ...เจ้าหน้าที่หน้าห้อง ICU บอกให้เรารอประมาณ 
3 ชั่วโมงถึงจะให้เข้าเยี่ยม
หมอกำลังปรึกษาญาติ เรื่องอาการของพี่วัน ซึ่งอาการหนักมากและคนไข้ยังไม่ฟื้น หมอต้องเจาะเอาเลือดที่คลั่งอยู่ในสมองออก ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่หมอต้องใช้เวลานานมาก
สมองพี่วันเริ่มบวมขึ้นมาอีก หากสมองลดอาการอักเสบลงและเลือดคลั่งในสมองไม่มี
อาการบวมที่สมองลดลง
 ...ขั้นต่อไปที่หมอจะต้องทำคือ เจาะคอเพื่อใส่สายช่วยหายใจและหลอดอาหาร แต่ที่สำคัญญาติผู้ป่วยต้องอนุญาตโดยเซ็นชื่อเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นหลักฐานอนุญาตให้หมอทำการผ่าตัดเจาะคอผู้ป่วยได้


ระหว่างที่นั่งรอเข้าเยี่ยมพี่วัน เห็นเฮลิคอปเตอร์นำผู้ป่วยอาการหนักมาส่งอีกแล้ว


เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 4 ชั่วโมง เราขึ้นไปติดต่อเจ้าหน้าที่หน้าห้อง ICU เหมือนเดิม ปรากฎว่าหมอยังคุยกับญาติผู้ป่วยยังไม่เสร็จ
...เรากับพี่รัตนา หันมามองหน้ากัน เกิดอะไรขึ้นกับพี่วันอีกแล้วหรือนี่
เข้าเยี่ยมไม่ได้
ซักพักนึง เห็นพ่อและแม่สามีพี่วันเดินออกมาจากห้อง ICU โผลเข้ากอดพวกเรา ร้องไห้ และบอกว่า
" หมอบอกให้เราทำใจ พี่วันจะมีชีวิตรอดแค่ 5% เท่านั้น ให้พวกเราทำใจไว้ได้เลย ความหวัง
ที่พี่วันจะรอดนั้นมีน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้"
เรากับพี่รัตนากอดคอกันน้ำตาไหลพราก พูดไม่ออก บอกไม่ถูก สมองของพวกเราตอนนี้ สับสนมาก และไม่อยากจะคิดอะไรอีกต่อไป 
เราเดินออกมานั่งร้องไห้กันสองคน อยู่หน้าห้องเยี่ยม
มีฝรั่งผิวสี วัยประมาณ 30 กว่า คงจะเห็นเรานั่งร้องไห้กันตลอดเวลา 
เขาเดินเข้ามาหาเรา และปลอบใจ แนะนำต่าง ๆ ในระหว่างเข้าไปเยี่ยมคนป่วย
 " หยุดร้องไห้เถอะ และทำใจให้สบาย เขาก็ผ่านจุดนี้มาแล้ว
สามีเขาก็ป่วยอาการหนักเหมือนกัน ในขณะที่เราเข้าเยี่ยม เราต้องไม่ร้องไห้ พูดแต่สิ่งดี ๆ ให้คนป่วยได้ยินเขาจะได้รับรู้สิ่งที่เราพูดกับเขา คุยกับเขา ....ผู้หญิงคนนี้แนะนำเราหลายอย่าง
เขาบอกว่า อาการของสามีเขาดีขึ้น เหมือนจะรับรู้สิ่งที่เขาพูดด้วย
เราขอบคุณเขาที่ให้การแนะนำต่าง ๆ
วันนี้ก็เข้าเยี่ยมพี่วันไม่ได้ หมอยังคุยกับสามีพี่วันอยู่


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น